Thursday, October 3, 2013

10 สาเหตุที่ทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล


บ่อยครั้งที่สาวๆ ตั้งใจจะลดน้ำหนัก ทั้งควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย แต่พยายามยังไง น้ำหนักก็ยังเท่าเดิม รู้ไหมคะว่ามีสาเหตุมาจากอะไรบ้างที่ทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล

1. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การอดนอนทำให้ความสามารถในการเผาผลาญลดลง และความหิวเพิ่มขึ้น โดยฮอร์โมนที่กระตุ้นความหิวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 การอดนอนยังมีผลต่อการเลือกกิน กล่าวคือ ร่างกายต้องการอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย และเมื่อร่างกายอ่อนเพลียจากการนอนไม่พอ เราก็จะเลือกกินอาหาร ของหวานที่ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น เช่น พวกของหวาน ช็อคโกแล็ต ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ซึ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

2. ไม่กินอาหารเช้า ถ้าเราไม่ได้ทานอาหารเช้า จะทำให้เราหิวตลอดเวลา รู้สึกหงุดหงิดง่าย และไม่มีสมาธิในการทำงาน ที่สำคัญคือ ทำให้อ้วนง่ายๆ เพราะต้องหาของกินจุกจิกที่ไม่มีประโยชน์รองท้องก่อนที่จะกินมื้อเที่ยง หรือหามื้อเที่ยงที่แบบสุกเอาเผากิน แบบง่ายๆ เพราะทนความหิวไม่ไหว

3. ทานอาหารพร้อมกับดูโทรทัศน์ การดูโทรทัศน์และทานอาหารไปด้วย ทำให้เราทานอาหารเพิ่มมากขึ้น เพราะเพลินอยู่กับรายการที่ชอบ ยิ่งเพลินมากยิ่งทานมากขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว นอกจากนี้ขณะดูโทรทัศน์ ระบบการเผาผลาญ หรือเมตาบอลิซึมจะทำงานต่ำมากเพียง 20-30 แคลอรี่ต่อชั่วโมง หมายความว่าถ้าเรานั่งแช่อยู่หน้าโทรทัศน์ 5 ชั่วโมงทุกวัน น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น 0.45 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์

4. ไปปาร์ตี้ฉลองกับเพื่อนบ่อยๆ การออกไปงานเลี้ยง สังสรรค์กับเพื่อนบ่อยๆ ทำให้เรากินของจุบจิบเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะเราเห็นของกินวางอยู่ตรงหน้า ทำให้เราหยิบกินอยู่ตลอดเวลา โดยไม่รู้ว่าเรากินเข้าไปมากแค่ไหน เพราะกินไปด้วย คุยกับเพื่อนไปด้วย ยิ่งเมื่อเรามีความสุขจากการสังสรรค์กับเพื่อน ก็จะทำให้เรากินเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ที่สำคัญคือ การไปงานเลี้ยง ทำให้เราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้เราน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเบียร์ 1 กระป๋อง ขนาด 120 ออนซ์ ให้พลังงาน 115 แคลอรีเข้าไปแล้ว เทียบเท่ากับกินข้าวถึง 1 ทัพพีครึ่ง การทานข้าวกับเนื้อสัตว์น้ำหนัก 1 กรัม ร่างกายจะได้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุก 1 กรัมจะให้พลังงานมากถึง 7 กิโลแคลอรี ที่สำคัญคือหลังจากดื่มเหล้าเบียร์แล้ว ไม่ใช่ว่าจะหายหิว เราก็ยังต้องกินอาหารตามเข้าไปอีกอยู่ดีแล้วอย่างนี้จะไม่ให้อ้วนได้ไง

5. ดื่มน้ำน้อย การที่เราต้องดื่มน้ำให้เพียงพอก็เพื่อให้ไตทำงานได้ดีเป็นปกติ หากเราดื่มน้ำน้อย ทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ตับก็จะเป็นตัวที่ต้องทำงานหนักแทน หน้าที่หลักของตับ คือ ช่วยเร่งการเผาผลาญของไขมันที่สะสมในร่างกาย แต่เมื่อตับต้องมาทำหน้าที่ของไต ทำให้มันไม่สามารถทำหน้าที่หลักได้อย่างเต็มที่  ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ร่างกายของเราการเผาผลาญไขมันได้น้อยลง และทำให้สะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น และการลดความอ้วนจะหยุดชะงักลง

6. ออกกำลังกายไม่ต่อเนื่อง การออกกำลังกายแค่นิดหน่อยๆ บางวันทำ บางวันไม่ทำ ไม่ได้ตั้งใจจริงใจ ตั้งใจแค่บางช่วงที่พบว่าตัวเองน้ำหนักขึ้นมากๆ เท่านั้น การทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักลดลงแต่อย่างใด การจะลดน้ำหนักให้ได้ผลจริงๆ นั้น ต้องออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลานานๆ ติดต่อกัน

7. กินชดเชยหลังจากออกกำลังกาย หลายคนเคยชินกับการให้รางวัลตัวเองด้วยของหวานสักชิ้น หรือน้ำหวานสักแก้วหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก แต่การกินแบบนี้จะทำให้ที่คุณออกกำลังมาน่ะเหนื่อยเปล่า! แถมบางทีพลังงานที่คุณกินอาจจะมากกว่าที่เพิ่งใช้ไปด้วยซ้ำ

8. ออกกำลังกาายไม่หลากหลาย ออกกำลังกายอยู่อย่างเดียวจนเป็นกิจวัตรประจำวันนอกจากจะน่าเบื่อแล้ว ยังทำให้การเบิร์นไม่ได้ผลเท่าเดิมด้วยนะ เพราะคุณเคยชินกับมันจนเกินไป

9. เครียดเกินไป ยิ่งเครียดมากเท่าไหร่ น้ำหนักก็ยิ่งเพิ่มขึ้นง่ายเท่านั้น เวลาเครียด ๆ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาทำให้ความอยากอาหารและการกักเก็บพลังงานในรูปไขมันเพิ่มขึ้น

10. เป็นโรคที่ไม่เคยรู้ โรคบางโรค เช่น ภาวะมีถุงน้ำที่รังไข่ (PCOS) ต่อมธัยรอยด์ผิดปกติ หรือฮอร์โมนที่ไม่สมดุล อาจจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และลดลงได้ยาก หากรู้สึกผิดปกติมากๆ ออกกำลังกาย และควบคุมอาหารมาเป็นเดือนๆ น้ำหนักก็ไม่หายไปเลย ลองปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย

คำถามต่อมาก็คือ แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้การลดน้ำหนักเห็นผลเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรามีคำตอบเตรียมไว้ด้านล่างนี้แล้วคะ คลิกอ่านกันได้เลยคะ 

12 ขั้นตอนง่ายๆ ลดน้ำหนักอย่างได้ผล


1 comment:

  1. Hello, It truly is unfathomably phenomenal and enlightening site. Great to find your site great article! I'm just enamored with it. อยาก อ้วน

    ReplyDelete